มารู้จักน้ำยาแอร์ เพื่อรู้ทันช่างล้างแอร์
ในช่วงที่สภาพอากาศเอาแน่เอานอนไม่ได้ขนาดนี้รู้สึกยังไงบ้างครับ
บางทีทำงานหรือเรียนกันมาเหนื่อยๆก็อยากจะพักผ่อนให้สบายตัวซะหน่อย
แต่อากาศเจ้ากรรมก็ดันอบๆร้อนๆยังไงชอบกล หลายๆท่านจะนึกถึงอะไรเป็นอย่างแรกครับ แน่นอนสิ่งหนึ่งที่ช่วยเราในสภาวะแบบนี้ก็เจ้านี้เลย
เครื่องปรับอากาศหรือที่เราเรียกกันติดปากว่าแอร์นั่นแหละ
แอร์เป็นอุปกรณ์ชนิดหนึ่งที่ทำหน้าที่ลดอุณหภูมิลง
ซึ่งสิ่งที่เจ้าเครื่องปรับอากาศจะขาดไม่ได้เลยก็คือ
สารทำความเย็นที่เรารู้จักกันในนามน้ำยาแอร์นั่นเองครับ
เคยส่งสัยหรือไม่ครับเวลาช่างแอร์มาซ่อมกี่ทีๆก็บ่นไม่เย็นเพราะน้ำยาแอร์หมดนะครับ
แต่เพิ่งเติมไปเหม็บๆจะหมดได้ไง วันนี้ผมเลยจะพาทุกท่านเข้าไปทำความรู้จักกับน้ำยาแอร์กันครับ
โดยทั่วๆไปแล้วน้ำยาแอร์สำหรับใช้ภายในบ้านเรือนจะมี
2 ชนิดหลักๆครับ คือ
1.
น้ำยาแอร์จำพวกสาร
CFCs(Chloro Fluoro Carbons) จะมีคุณสมบัติ คือ
ไม่มีพิษ ไม่มีกลิ่น มีค่าความถ่วงจำเพาะเมื่ออยู่ในสภาวะก๊าซหนักกว่าอากาศ
มีจุดเดือดที่ต่ำกว่าสารทั่วๆไปจึงถูกนำมาใช้ในการทำความเย็นนั่นเองครับ
โดยสารพวกจุดเดือดต่ำๆจะถูกใช้ในการทำความเย็นที่อุณหภูมิต่ำ
และสารทำความเย็นที่มีจุดเดือดสูงจะถูกใช้ทำความเย็นที่อุณหภูมิสูงๆนั่นเองครับ
2.
น้ำยาแอร์จำพวกสาร Azeotropic
Mixture มี่แรงดันไอราว 100 psig มันใช้ความเพรสเซอร์ที่มีขนาดเล็กลงกว่าเดิม
เป็นกลุ่มสารที่ไม่ทำลายโอโซน (ODP = 0) น้ำยาแอร์ชนิดนี้คือการพัฒนาต่อยอดจากน้ำยาแอร์ที่มีสาร
CFCs จุดประสงค์หลักๆก็เพื่อลดการทำลายของชั้นโอโซน
คุณสมบัติที่ดีขึ้นทั้งในด้านการประหยัดพลังงานและมีประสิทธิภาพต่อหน่วยมากกว่า
จึงทำให้ในสมัยนี้นิยมน้ำยาแอร์ประเภทนี้กันมากกว่านั่นเองครับ
ต่อมาด้วยหัวข้อที่หลายๆคนสงสัยนะครับว่าทำไมเราต้องทำการเติมน้ำยาแอร์บ่อยๆ
ไม่เติมได้ไหม จะเกิดอะไรขึ้น
ตรงจุดนี้ผมขออธิบายว่าก่อนจะเรียกใช้บริการช่างแอร์มานั่นเราควรตรวจสอบระดับอัตราของน้ำยาแอร์ซะก่อนโดยปกติของแอร์บ้านโดยทั่วๆไปจะอยู่ราวๆ 70-80
ปอนด์ต่อนิ้ว จากนั้นตรวจสอบว่ามีรอยเหมือนน้ำยาแอร์เราไหลออกมาหรือไม่
หากตรวจสอบเรียบร้อยแล้วค่อยติดต่อช่างมาทำการล้างแอร์หรือซ่อมแซมแอร์ของเราครับ
โดยทั่วๆไปแล้วการเติมน้ำยาแอร์ 1 ครั้งจะใช้ปริมาณน้ำยาแอร์ไม่มากก็จะเต็มครับ
ดังนั้นควรดูราคาตามความเหมาะสมของแต่ละท่านด้วยนะครับ
เรตน้ำยาส่วนใหญ่ก็จะอยู่ที่ประมาณ 200 บาทเท่านั้นเองครับ แต่แอร์แต่ละชนิด
ใช้น้ำยาแอร์ไม่เหมือนกัน เช่น น้ำยาแอร์ R22 ราคาจะถูกที่สุด เพราะกำลังจะถูกยกเลิการใช้งาน ปัจจุบันผมหวังว่าข้อมูลในขั้นต้นนี้จะทำให้ทุกท่านสบายใจมากขึ้นนะครับ